โมเด็ม (Modem) ...
โมเด็ม (Modulator and
Demodulator)
เป็นอุปกรณ์รอบข้างสำหรับต่อพ่วงกับคอมพิวเตอร์
ทำหน้าที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ที่อยู่ห่างกันมากๆ
โดยอาศัยเครือข่ายของโทรศัพท์เข้ามาช่วยในการสื่อสารรับ-ส่งข้อมูล
ความเร็วของโมเด็มมีหน่วยเป็น บิตต่อวินาที (bit
per second : bps) หมายความว่า ในหนึ่งวินาที
จะมีข้อมูลถูกส่งออกหรือรับเข้ามาจำนวนกี่บิต เช่น โมเด็มที่มีความเร็ว
56 Kbps จะสามารถ รับ-ส่งข้อมูลได้
56 กิโลบิตในหนึ่งวินาที
| |
โมเด็มที่ใช้งานตามบ้านในปัจจุบัน
สามารถแบ่งได้ตามลักษณะการติดตั้งใช้งาน และตามลักษณะของสัญญาณ ดังนี้คือ
โมเด็มตามลักษณะการติดตั้งใช้งาน มี 2 ประเภท คือ
§
โมเด็มที่ติดตั้งภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ (Internal
Modem)
ซึ่งจะติดตั้งมากับเครื่องคอมพิวเตอร์ ราคาไม่แพง แต่ไม่สะดวกในการเคลื่อนย้าย
§
โมเด็มที่ติดตั้งภายนอก (External
Modem)
จะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมมีสายต่อเข้ากับ CPU
นิยมใช้มากเพราะเคลื่อนย้ายสะดวก ติดตั้งง่าย และคุณภาพดีพอสมควร
โมเด็มตามลักษณะสัญญาณ มี 2 ประเภท คือ
§
โมเด็มแบบสัญญาณเสียง
(Voice Modem)
เป็นโมเด็มรูปแบบเดิมที่ใช้งานโดยทั่วไป โมเด็มจะทำหน้าที่แปลงสัญญาณดิจิทัล (Digital)
ที่ออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์แปลงให้เป็นสัญญาณอนาล็อก (Analog)
เพื่อส่งไปตามสายโทรศัพท์
และเมื่อถึงปลายทางโมเด็มที่ปลายทาง ก็จะแปลงกลับจากสัญญาณอนาล็อกเป็นสัญญาณดิจิทัล
โมเด็มประเภทนี้ มีความเร็วสูงสุดในการส่งสัญญาณอยู่ที่ 56
Kbps
§
โมเด็มแบบสัญญาณดิจิตอล
หรือโมเด็มเอดีเอสแอล (ADSL Modem,
ADSL = Asymmetric Digital Subscriber Line)
เป็นโมเด็มที่เป็นเทคโนโลยีใหม่
ที่ใช้กับระบบเครือข่ายโทรศัพท์ดิจิตอลความเร็วสูง
หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
โมเด็มประเภทนี้จะส่งสัญญาณดิจิทัลไปตามสายโทรศัพท์ได้โดยไม่ต้องแปลงเป็น
สัญญาณอนาล็อกก่อน
ความเร็วในการรับสัญญาณ (Download)
กับความเร็วในการส่งสัญญาณ (Upload)
ของโมเด็มประเภทนี้จะไม่เท่ากัน โดยความเร็วในการรับสัญญาณ
จะมากกว่าความเร็วในการส่งสัญญาณ โดยความเร็วในการรับสัญญาณอยู่ที่ 128
kbps ถึง 2
Mbps ซึ่งเร็วกว่าโมเด็มแบบเดิม 2 - 8 เท่า
การเลือกใช้งานโมเด็ม มีข้อพิจารณา ดังนี้
1. ประเภทของระบบโทรศัพท์ที่เชื่อมต่อ
ถ้าเป็นการต่ออินเทอร์เน็ตโดยใช้ระบบโทรศัพท์ในรูปแบบเดิม
จะต้องเลือกใช้โมเด็มแบบสัญญาณเสียง ซึ่งมีความเร็วอยู่ที่
56 Kbps
แต่ถ้าเป็นระบบโทรศัพท์ที่สามารถใช้สัญญาณ ADSL
ได้ ก็จะสามารถใช้โมเด็มแบบ ADSL
ได้
โดยจะต้องเลือกใช้โมเด็มที่มีความเร็วในอัตราเดียวกับที่เช่าใช้บริการ
ADSL เช่น ถ้าเช่าใช้บริการ
ADSL ที่ความเร็วในการรับสัญญาณที่ 128
Kbps
ก็จะต้องเลือกใช้โมเด็มที่สามารถรับสัญญาณได้ไม่น้อยกว่า 128
Kbps
2. ความประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย
โมเด็มในรูปแบบเดิม จะเสียค่าบริการติดต่อผ่านคู่สายโทรศัพท์ตามระยะเวลาที่ใช้ เช่น
หากติดต่อใช้บริการอินเทอร์เน็ตจากศูนย์บริการท้องถิ่น
ก็จะเสียค่าบริการคิดอัตราเป็นครั้งละ แต่ถ้าติดต่อไปยังศูนย์บริการในจังหวัดอื่น
ก็จะเสียค่าบริการเป็นนาที ส่วนการใช้โมเด็ม ADSL
จะเสียค่าบริการในอัตราเหมาจ่ายเป็นรายเดือน
สามารถใช้บริการได้ตลอด 24 ชม. ทุกวัน
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น