วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

โมเด็ม (Modem)


โมเด็ม (Modem) ...


bullet
โมเด็ม (Modulator and Demodulator) เป็นอุปกรณ์รอบข้างสำหรับต่อพ่วงกับคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ที่อยู่ห่างกันมากๆ โดยอาศัยเครือข่ายของโทรศัพท์เข้ามาช่วยในการสื่อสารรับ-ส่งข้อมูล
ความเร็วของโมเด็มมีหน่วยเป็น บิตต่อวินาที (bit per second : bps) หมายความว่า ในหนึ่งวินาที จะมีข้อมูลถูกส่งออกหรือรับเข้ามาจำนวนกี่บิต เช่น โมเด็มที่มีความเร็ว 56 Kbps จะสามารถ รับ-ส่งข้อมูลได้ 56 กิโลบิตในหนึ่งวินาที
bullet
bullet
โมเด็มที่ใช้งานตามบ้านในปัจจุบัน สามารถแบ่งได้ตามลักษณะการติดตั้งใช้งาน และตามลักษณะของสัญญาณ ดังนี้คือ
โมเด็มตามลักษณะการติดตั้งใช้งาน มี 2 ประเภท คือ
§         โมเด็มที่ติดตั้งภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ (Internal Modem) ซึ่งจะติดตั้งมากับเครื่องคอมพิวเตอร์ ราคาไม่แพง แต่ไม่สะดวกในการเคลื่อนย้าย
§         โมเด็มที่ติดตั้งภายนอก (External Modem) จะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมมีสายต่อเข้ากับ CPU นิยมใช้มากเพราะเคลื่อนย้ายสะดวก ติดตั้งง่าย และคุณภาพดีพอสมควร
โมเด็มตามลักษณะสัญญาณ มี 2 ประเภท คือ
§         โมเด็มแบบสัญญาณเสียง (Voice Modem) เป็นโมเด็มรูปแบบเดิมที่ใช้งานโดยทั่วไป โมเด็มจะทำหน้าที่แปลงสัญญาณดิจิทัล (Digital) ที่ออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์แปลงให้เป็นสัญญาณอนาล็อก (Analog) เพื่อส่งไปตามสายโทรศัพท์ และเมื่อถึงปลายทางโมเด็มที่ปลายทาง ก็จะแปลงกลับจากสัญญาณอนาล็อกเป็นสัญญาณดิจิทัล  โมเด็มประเภทนี้ มีความเร็วสูงสุดในการส่งสัญญาณอยู่ที่ 56 Kbps
§         โมเด็มแบบสัญญาณดิจิตอล หรือโมเด็มเอดีเอสแอล (ADSL Modem, ADSL = Asymmetric Digital Subscriber Line) เป็นโมเด็มที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่ใช้กับระบบเครือข่ายโทรศัพท์ดิจิตอลความเร็วสูง หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โมเด็มประเภทนี้จะส่งสัญญาณดิจิทัลไปตามสายโทรศัพท์ได้โดยไม่ต้องแปลงเป็น สัญญาณอนาล็อกก่อน ความเร็วในการรับสัญญาณ (Download) กับความเร็วในการส่งสัญญาณ (Upload) ของโมเด็มประเภทนี้จะไม่เท่ากัน โดยความเร็วในการรับสัญญาณ จะมากกว่าความเร็วในการส่งสัญญาณ  โดยความเร็วในการรับสัญญาณอยู่ที่  128 kbps ถึง 2 Mbps ซึ่งเร็วกว่าโมเด็มแบบเดิม 2 - 8 เท่า 
การเลือกใช้งานโมเด็ม มีข้อพิจารณา ดังนี้
1. ประเภทของระบบโทรศัพท์ที่เชื่อมต่อ  ถ้าเป็นการต่ออินเทอร์เน็ตโดยใช้ระบบโทรศัพท์ในรูปแบบเดิม  จะต้องเลือกใช้โมเด็มแบบสัญญาณเสียง ซึ่งมีความเร็วอยู่ที่ 56 Kbps  แต่ถ้าเป็นระบบโทรศัพท์ที่สามารถใช้สัญญาณ ADSL ได้  ก็จะสามารถใช้โมเด็มแบบ ADSL ได้ โดยจะต้องเลือกใช้โมเด็มที่มีความเร็วในอัตราเดียวกับที่เช่าใช้บริการ ADSL เช่น ถ้าเช่าใช้บริการ ADSL ที่ความเร็วในการรับสัญญาณที่ 128 Kbps ก็จะต้องเลือกใช้โมเด็มที่สามารถรับสัญญาณได้ไม่น้อยกว่า 128 Kbps
2. ความประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย โมเด็มในรูปแบบเดิม จะเสียค่าบริการติดต่อผ่านคู่สายโทรศัพท์ตามระยะเวลาที่ใช้ เช่น หากติดต่อใช้บริการอินเทอร์เน็ตจากศูนย์บริการท้องถิ่น ก็จะเสียค่าบริการคิดอัตราเป็นครั้งละ  แต่ถ้าติดต่อไปยังศูนย์บริการในจังหวัดอื่น ก็จะเสียค่าบริการเป็นนาที   ส่วนการใช้โมเด็ม ADSL จะเสียค่าบริการในอัตราเหมาจ่ายเป็นรายเดือน  สามารถใช้บริการได้ตลอด 24 ชม. ทุกวัน 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น